นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ส่งผลให้ธุรกิจจัดประชุม ฝึกอบรม แสดงสินค้า และคอนเสิร์ต หรือธุรกิจไมซ์ในไทยกลับมาเติบโตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะมีชาวเอเชียทยอยเข้ามาจัดประชุม ฝึกอบรม แสดงสินค้า และคอนเสิร์ตในไทยอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ธุรกิจไมซ์ปี 65 มีรายได้รวมกว่า 3.61 หมื่นล้านบาท กำไร 1,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  457% 

“ปี 65-66 เป็นปีทองของธุรกิจจัดประชุม ฝึกอบรม แสดงสินค้า และคอนเสิร์ตของไทย เพราะหลังโควิดคลี่คลาย ชาวต่างชาติโดยเฉพาะเอเชียก็เดินทางเข้ามาจัดประชุม อบรม จัดงานแสดงสินค้า และจัดแสดงคอนเสิร์ตในไทยไม่ขาดสาย เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย สะดวกสบาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ส่งผลให้ธุรกิจไมซ์ ปี  65 มีรายได้รวม 3.61 หมื่นล้านบาท และปี 66 จะได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติต่อเนื่อง คาดรายได้รวมทะลุ 5 หมื่นล้านบาท”  คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ทั้งนี้ จากการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องไมซ์ขยายตัวต่อเนื่อง โดยปี 63 มียอดจดทะเบียนจัดตั้ง 559 ราย ทุนจดทะเบียน 704.48 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 454 ราย ทุน 668.83 ล้านบาท และปี 65 จัดตั้ง 536 ราย  ทุน 814 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกปี 66 จัดตั้ง 388 ราย ทุน 524 ล้านบาท โดยการลงทุนธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนไทย มูลค่า 3.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 97.42% ของการลงทุนทั้งหมด ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติสูงสุด คือจีน 303 ล้านบาท ญี่ปุ่น 209 ล้านบาท อเมริกา 81 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมธุรกิจไมซ์จดทะเบียนในไทย ถึงปัจจุบัน มี 6,256 ราย ทุนจดทะเบียน 40,004 ล้านบาท   

นายทศพล กล่าวต่อว่า ข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ยังระบุด้วยว่า ชาวต่างชาติ 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านธุรกิจไมซ์ ระหว่างเดือน ต.ค. 65-มี.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66 พบว่า มาเลเซียสูงสุดอันดับหนึ่ง 55,818 ราย รองลงมาเป็นสิงคโปร์ 36,059 ราย เวียดนาม 30,269 ราย เกาหลีใต้ 18,611 ราย สหรัฐอเมริกา 16,992 ราย อินโดนีเซีย 12,377 ราย ญี่ปุ่น 10,597 ราย อินเดีย 8,897 ราย เยอรมนี 7,896 ราย และจีน 7,659 ราย  

“ธุรกิจจัดประชุม ฝึกอบรม แสดงสินค้า และคอนเสิร์ต เป็นธุรกิจที่ชาวต่างชาติสนใจเดินทางเข้ามาจัดงานฯ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เหตุมาจากความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ครบครัน มีสนามบินขนาดใหญ่ การคมนาคมที่สะดวกสบาย สถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย และค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการท่องเที่ยวไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างเม็ดเงินทั้งจากคนในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับผลดีไปด้วย เช่น ธุรกิจโรงแรม ห้องพัก ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหลายชาติในเอเชีย ก็สนใจแข่งขันการทำธุรกิจไมซ์เพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบรายใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ธุรกิจและผู้ประกอบการรายเดิม จำเป็นต้องปรับตัวพัฒนารูปแบบบริการ เช่น การจัดหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยความเป็นมืออาชีพ การเลือกสถานที่จัดงานที่โดนใจลูกค้า และเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการ   

แห่จัดประชุม-คอนเสิร์ตในไทยคึก ดันธุรกิจ MICE ไทย รายได้ทะลุ 5 หมื่นล้าน

admin